Monday, July 25, 2011

ปลูกข้าวผลผลิต130ถังต่อไร่

ปลูกข้าวผลผลิต130ถังต่อไร่





ปัญหาชาวนาไทยกับปัจจุบัน

ต้นทุนสูง ผลผลิตต่ำ ราคาถูก

ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องปกติของชาวนาไทยในยุคปัจจุบันไปเสียแล้ว ก็ปุ๋ยมันแพง ก็ดินมันเสีย ก็เพลี้ยระบาด จิปาถะที่เราเคยได้ยินเสียงบ่นจากชาวนาไทย หลายคนปลงได้เท่าไร เอาเท่านั้น หลายคนถอดใจ เลิกทำนา หลายคนหลังพิงฝา หันหน้าสู้ หวังว่าวันหนึ่ง ต้องมีคนมาช่วย และยังหวังจนถึงทุกวันนี้

คนช่วยประสบความสำเร็จ หรือชาวนาประสบความสำเร็จ ลอง นึกย้อนถอยหลัง 10 ปี ที่ผ่านมา ปี พ.ศ.2543 เรื่อยมา ผลผลิตข้าวลดน้อยถอยลงอย่างเป็นรูปธรรม จับต้องได้ ปุ่ยเคมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ โรคและแมลงศัตรู เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ชาวนาเป็นหนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนลงเรื่อยๆ หลายหน่วยงานทนเสียงร่ำร้องของชาวนาไทยไม่ไหว ได้ออกมานำเสนอ การทำนารูปแบบใหม่ๆ ลด ละ เลิก การใช้สารเคมีกับนาข้าว เรียนรู้การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อทดแทนปุ๋ยเคมี ผลิตน้ำหมักชีวภาพ ทดแทนยาฆ่าแมลง ผลิตเชื้อจุลลินทรีย์หลายร้อยสายพันธุ์ เพื่อปรับปรุงดิน เป็นฮอร์โมนพืช หรือกำจัดโรคแมลง โดยให้ชาวนาไทย เป็นคนทดลองผลิตภันฑ์ต่างๆ เชื่อว่าสำเร็จได้ทั้งคู่ ถ้าไม่หลอกกัน

ปุ๋ยปลอม ส่วนมากจะเป็นปุ๋ย อินทรีย์เคมี ที่ใช้แล้วไม่ได้ผล จากคำกล่าวที่ว่า ใช้ปุ๋ยเคมี ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ ได้ประโยชน์สูงสุด ปุ๋ยอินทรีย์ หมายถึง อินทรีย์วัตถุส่วนมากจะได้จากมูลสัตว์ ใช้เพื่อปรับปรุงบำรุงดินให้สมบูรณ์ ร่วนซุย มีอาหารรองและอาหารเสริมพืชบางชนิดให้พืชได้ใช้ ระบบรากชอนไชหาอาหารเก่ง ปุ๋ยเคมี หมายถึงธาตุอาหารหลักที่ใช้มากในพืชเกือบทุกชนิด ส่วนใหญ่ได้จากการสังเคราะห์สารเคมี ใช้ในสัดส่วนที่เหมาะสม ปุ๋ยอินทรีย์เคมีไม่ใช่ดินธรรมดาปั้นรวมกับปุ๋ยแอมโมเนีย ซันเฟต จะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย

ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต อย่างถูุกวิธี
  • ปรับโครงสร้างดินใหม่ ใช้สารอินทรีย์อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ โดยสำนึกอยู่อย่างสม่ำเสมอว่า สารอินทรีย์ สำคัญกว่า สารเคมี เนื่องจากข้าวจะได้ผลผลิตมาก ต้นข้าวต้องสมบูรณ์ แข็งแรง ทำได้อย่างเดียวคือ อินทรีย์วัตถุ ไม่ใช่ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) ที่ทำให้ต้นข้าวงามมากเกินไป ต้นอ่อน อวบน้ำ ต้นอ่อนแอ
ใช้ปุ๋ยเคมีอย่างถูกต้อง ข้าวไม่ไวต่อแสง หมายถึงข้าวที่ออกตามอายุ จำเป็นต้องเร่งการเจริญเติบโตพร้อมกับความสมบูรณ์ของต้นให้ทันกับช่วงระยะออกรวง ยังถือว่าปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) ยังจำเป็นต้องใส่ในในการใส่ปุ๋ยครั้งแรก โดยใช้อัตราส่วน 10 กิโลกรรม ต่อไร่ (อายุข้าวที่จะใส่ไม่ควรเกิน 17-20 วัน) ให้ถือว่าเป็นอัตราส่วนที่พอดีสำหรับข้าวไม่ไวต่อแสง ชาวนาส่วนใหญ่จะใส่ 25 กิโลกรัมต่อไร่ ให้ถือว่ามากเกินความจำเป็น และจะทำให้ต้นข้าวอ่อนแอไม่แข็งแรง เสริมด้วยอินทรีย์วัตถุทำให้ต้นข้าวสมบูรณ์แข็งแรงมากยิ่งขึ้น สารกระตุ้นการแตกกอ และเร่งการเจริญเติบโต
จำเป็นหรือไม่ที่ต้องฉีดพ่นทางใบทันที ตามปกติ ชาวนาส่วนใหญ่หว่านปุ๋ยแล้ว ก็แล้วกัน มองดูการเจริญเติบโตของต้นข้าวไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่ได้ทำอะไร แต่หากมีหนอนหรือเพลี้ยลงทำลาย ก็จะใช้สารเคมีฉีดพ่นกำจัด แต่การทำนายุคนี้เรียกได้ว่า ทำนาซ้ำซ้อน และที่สำคัญทำไม่พร้อมกัน จึงเป็นเหตุให้โรคแมลงมีที่อยู่อาศัย และขยายพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี สังเกตุดีๆ หว่านปุ๋ยเมื่อไหร่ ก็จะเกิดโรค และแมลงตามมาทันที ควรป้องกันดีกว่ารอให้เกิด

ช่วยไม่ได้อาจตกม้าตายด้วยความสวย ต้องยอมรับว่าการใส่ปุ๋ยพร้อมทั้งฉีดพ่นเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น จะเห็นว่าต้นข้ามงามสมบูรณ์มาก แตกกอดี สีเขียวสดใส ในช่วงอายุ 30-35 วัน ชาวนาส่วนใหญ่จะนิ่งนอนใจไม่ยอมทำอะไร เพราะเห็นว่าต้นข้าวสวยงามดีแล้ว หารู้ไม่ว่าช่วงข้าวอายุ 35-40 วัน โรคใบจุดสีน้ำตาล หรือโรคไหม้ เริ่มระบาดให้เห็นที่ใบล่าวสุดของต้น เนื่องจากเชื้อราจะออกฤทธิ์ทำลายเฉพาะใบข้าวที่แก่เท่านั้น ถ้ายังนิ่งนอนใจไม่ยอมกำจัด ใบข้าวก็จะแก่ขึ้นไปเรื่อยๆ เชื้อราก็จะลุกลามขึ้นไปเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะกำจัดได้ในตอนที่ข้าวออกรวง แต่อย่าลืมว่าใบข้าวข้างล่างเสียหายไปแล้ว ใบเป็นแหล่งสะสมอาหาร ใบเสีย อาหารเสีย ได้ 80 ถังต่อไร่ก็ดีแล้ว ก่อนหว่านปุ๋ยครั้งที่ 2 ฉีดพ่นอีกสักครั้ง
ใส่ครั้งที่ 2 ปุ๋ยสูตรไหนถึงจะดีที่สุด อย่าสับสนกับสูตรปุ๋ย 46-0-0 เร่งการเจริญเติบโตทางต้น และใบ ถ้าใส่ช่วงนี้เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลเล่นงานแน่นอน หรือไม่ก็หนอนกอ หนอนห่อใบข้าว 16-20-0 ใชได้กับนาดินเหนียว 16-16-8 นาดินปนทราย 15-15-15 นาดินปนทราย เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม หรือจะเป็นสูตร 15-15-15 ทั้งนาดินเหนียว และดินปนทราย อัตรส่วน 25 กก.ต่อไร่ ตามสูตรสำเร็จอย่าลืมปรับปรุงดินด้วยสารปรับปรุงดิน แฮ็ปปี้ทรี เร่งความอวบใหญ่ของ ลำต้น ต้นและใบต้องมี สีเขียวเข้ม ต้นแข็งใบตั้ง ไม่มีการทำลายของเชื้อรา และแมลงต่างๆ

คู่เด่น ต้นแข็ง ใบตั้ง
ครบเครื่องเรื่องผลผลิต ปุ๋ยทางดินอย่างเดียวไม่สามารถเพิ่มได้ 130 ถังต่อไร่อย่างแน่นอน ต้องคำนึงถึงการฉีดพ่นเป็นหลักด้วย นอกจากอาหารหลักแล้ว อาหารรอง อาหารเสริม ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญของการเพิามผลผลิต การให้อาหารรอง อาหารเสริมที่ดีที่สุด ต้องฉีดพ่นทางใบ และควรฉีดอย่างน้อย 2-3 ครั้ง

หลังจากหว่านปุ๋ยครั้งที่2 5-7 วัน
ช่วงข้าวชักใบธง (กัดหางปลาทู)
ช่วงข้าวสลัดเกษร (คอรวงก้ม)

No comments:

Post a Comment