http://youtu.be/mcy_rQCPmCM
http://youtu.be/lFkhzwU0S90
http://youtu.be/h2N6-Ff0oXc
อ้อย เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ สามารถปลูกได้เกือบทุกภาคของประเทศ มีอายุเก็บเกี่ยว 10-12 เดือน โดยทั่วไปเก็บผลผลิตได้ 2-3 ปี สภาพแวดล้อมพันธุ์ และการบำรุงดูแลรักษา เป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มผลิตและ คุณภาพของอ้อย สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ 5-6 ปี โดยที่ปริมาณการเก็บเกี่ยวคงที่ อ้อยสามารถปลูกได้ในดินเกือบทุกประเภท ตั้งแต่ดินร่วนถึงดินร่วนปนทราย พื้นที่ปลูกควรเป็นที่ราบ อาจมีปัญหามากในการปลูกอ้อยในดินเหนียวจัด ดินทรายจัดและดินลูกรัง แต่ถ้าการจัดการดี บำรุงดินดี ไม่มีน้ำท่วมขัง ก็สามารถปลูกได้
การเตรียมพันธุ์
พันธุ์ อ้อยควรมาจากแปลงอ้อยที่เจริญเติบโตดี ตรงตามพันธุ์ ปราศจากโรคและแมลง มีอายุประมาณ 8-10 เดือน ถ้าต้องทิ้งพันธุ์อ้อยที่ตัดไว้แล้วในไร่ ควรคลุมท่อนพันธุ์ด้วยใบอ้อยแห้ง เพื่อป้องกันตาอ้อยแห้ง เกษตรกรควรมีแปลงพันธุ์อ้อยไว้ใช้เองเพื่อลดค่าใช้จ่าย อ้อยจากแปลงพันธุ์ 1 ไร่ (อายุ 7-8 เดือน) ปลูกขยายได้ 10 ไร่ ควรแช่ท่อนพันธุ์ หรือฉีดพ่นท่อนพันธุ์ ก่อนทำการปลูก เพื่อป้องกันโรคใบขาว กอตะไคร้ โรคแส้ดำ เหี่ยวเน่าแดง และกลิ่นสัปปะรด ด้วยผลผลิตภัณฑ์ต่อไปนี้ ในอัตราส่วนต่อน้ำ 20 ลิตร
Pic Clue | Antira | EMS |
แฮ็ปปี้ กลู 3-5 ซีซี. | แฮ็ปปี้ แอนติรา 50 ซีซี. | แฮ็ปปี้ อีเอ็มเอส 20-30 ซีซี. |
การปลูกอ้อยในปัจจุบัน สามารถแบ่งตามฤดูกาลได้เป็น 2 ประเภท คือ
การปลูกอ้อยต้นฝน ซึ่งยังแบ่งออกเป็น 2 เขต คือ
- ในเขตชลประทาน (20% ของพื้นที่ปลูกอ้อยทั่วประเทศ) ส่วนใหญ่จะปลูกในช่วง
เดือนกุมภาพันธ์ - เมษายน
- ในเขตอาศัยน้ำฝน ส่วนใหญ่จะปลูกในช่วง เดือนเมษายน - มิถุนายน
การปลูกอ้อยปลายฝน (การปลูกอ้อยข้ามแล้ง) สามารถทำได้เฉพาะในบางพื้นที่ของภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก ที่มีปริมาณและการกระจายของฝนดี และดินเป็นดินทราย หรือดินร่วนปนทราย การปลูกอ้อยประเภทนี้จะปลูกประมาณกลาง เดือนตุลาคม-ถึงเดือนธันวาคม ซึ่งจะได้เปรียบในเรื่องการเก็บเกี่ยวผลผลิต ได้มากกว่า ค่า CCS. สูงกว่า อ้อยต้นฝน เพราะมีอายุการเก็บเกี่ยวยาวนานถึง 12 เดือน ซึ่งอ้อยต้นจะมีอายุการเก็บเกี่ยว 9-10 เดือน
การเตรียมดิน
ไถเตรียมดินให้ลึกขณะมีความชื้นพอเหมาะ และควรไถให้ถึงดินดานทุกครั้งที่มีการรื้อตอเพื่อปลูกอ้อยใหม่โดยไถเป็นรูปตาหมากรุก
- ถ้าปลูกต้นฤดูฝนหรือปลูกอ้อยใช้น้ำชลประทาน ไม่จำเป็นต้องไถพรวนให้ดินแตก หรือละเอียดมาก เพราะถ้าหน้าดิน ละเอียดมาก แล้วใส่น้ำลงไปจะทำให้หน้าดินแน่น เมื่อหน้าดินแห้งแข็ง หน่ออ้อยไม่สามารถโผล่ขึ้นมาได้ และจะทำให้หน่ออ้อยเน่าตาย
- อ้อยปลายฝนหรือปลูกอ้อยข้ามแล้ง ต้องไถพรวนหน้าดินให้ลึกมากจะได้ความชื้นในดินมาก และให้แตกละเอียด เพื่อช่วยลด ความสูญเสียความชื้นภายในดินให้ช้าลง วิธีปลูกอ้อยข้ามแล้ง มี 2 วิธี
1.ถ้าปลูกเดือนตุลาคม ความชื้นในดินมีมากพอ ไม่จำเป็นต้องใส่น้ำก่อนปลูก
2.ถ้า ปลูกเดือน ธันวาคม-มกราคม ควรใส่น้ำก่อนวางท่อนอ้อย แล้วไถกลบ ไม่ควรไถกลบก่อนแล้วใส่น้ำ เพราะจะทำให้หน้าดินแน่น หน่ออ้อยขึ้นยาก หรืออาจขึ้นไม่ได้
วิธีการปลูก
- ถ้าใช้คนปลูกจะยกร่องกว้าง 1.4-1.5 เมตร (เดิมใช้ 1.3 เมตร) วางพันธุ์อ้อยเป็นลำโดยใช้ลำเดี่ยว เกยกันครึ่งลำหรือ 2 ลำคู่ ตามลักษณะการแตกกอของพันธุ์อ้อยที่ใช้
- ถ้าใช้เครื่องปลูก หลังจากเตรียมดินแล้ว ไม่ต้องยกร่องจะใช้เครื่องปลูกติดท้ายแทรกเตอร์ โดยจะมีตัวเปิดร่อง และช่องสำหรับใส่พันธุ์อ้อยเป็นลำ และมีตัวตัดลำอ้อยเป็นท่อนลงในร่องและมีตัวกลบดินตามหลัง และสามารถดัดแปลงให้สามารถใส่ปุ๋ยรองพื้น พร้อมปลูกได้เลย ปัจจุบันมีการใช้เครื่องปลูกทั้งแบบแถวเดี่ยวและแถวคู่ โดยจะปลูกแถวเดี่ยวระยะแถว 1.4-1.5 เมตร ในกรณีใช้พันธุ์อ้อยที่แตกกอมาก และจะปลูกแถวคู่ ระยะแถว 1.4-1.5 เมตร ระยะระหว่างคู่แถว 20-30 เซนติเมตร ในกรณีใช้พันธุ์อ้อยที่แตกกอน้อย
การใส่ปุ๋ย
โดยแบ่งใส่ปุ๋ยเป็น 2 ครั้ง
ใส่ปุ๋ยครั้งแรก : ใส่ปุ๋ยรองพื้น ใส่ก่อนปลูกหรือพร้อมปลูก ไถ พลวน ชักร่องแล้วปลูก โดยใช้สูตรต่อไปนี้ ต่อพื้นที่ 10 ไร่
ปุ๋ยเคมีสุตร 21-7-18 = 6 กระสอบ | Pic Happy Tree | Pic EMS |
สารปรับปรุงดิน แฮ็ปปี้ ทรี 20 ถุง | สารแตกราก แตกหน่อ แฮ็ปปี้ อีเอ็มเอส 1 ขวด |
ใส่ปุ๋ยครั้งที่สอง : ใส่ปุ๋ยแต่งหน้า อ้อยอายุไม่เกิน 3 – 4 เดือน
ปุ๋ยเคมีสูตร 21-7-18 = 6กระสอบ | Pic Happy Tree | Pic Plenty | Pic Crow |
สารปรับปรุงดิน แฮ็ปปี้ ทรี 20 ถุง | สารเพิ่มค่า CCS. แฮ็ปปี้ เพลนตี้ 1 ขวด | สารเร่งการเจริญเติบโต แฮ็ปปี้ โกร์ว 1 ขวด |
การป้องกันกำจัดวัชพืช
-ใช้แรงงานคนดายหญ้าในช่วงตั้งแต่ปลูกจนถึงอายุ 4 เดือน
-ใช้เครื่องจักรไถพรวนระหว่างร่องหลังปลูก เมื่อมีวัชพืชงอก
-ใช้สารเคมีฉีดพ่นเพื่อคุมฆ่า
ปัจจุบันเกษตรกรมีการเผาใบอ้อยกันมาก
- การเผาใบอ้อยก่อนเก็บเกี่ยว เนื่องจากขาดแคลนแรงงานทำให้ตัดอ้อยได้เร็วไม่ต้องลอกกาบใบ อ้อยที่เผาใบถ้าไม่รีบตัดส่งโรงงานทันทีจะทำให้เสียน้ำตาลและคุณภาพความ หวาน และต้องจ่ายค่ากำจัดวัชพืช และให้น้ำเพิ่มขึ้นในอ้อยตอแนวทางแก้ไข คือ ถ้าส่งโรงานไม่ทันต้องตัดอ้อยไฟไหม้กองไว้ในไร่ (กองรวมกัน) ซึ่งจะสูญเสียความหวานน้อยกว่าทิ้งไว้ในไร่
- การเผาใบอ้อยหลังการเก็บเกี่ยว เนื่องจากเกษตรกรต้องการป้องกันไฟไหม้อ้อยตอ หลังจากที่มีหน่องอกแล้วและทำให้ใส่ปุ๋ยได้สะดวกกลบปุ๋ยง่าย แต่มีผลเสียตามมา คือ
* เป็นการทำลายวัตถุอินทรีย์ในดิน
* ทำให้สูยเสียควสามชื้นในดินได้ง่าย
* หน้าดินถูกกชะล้างได้ง่าย
* มีวัชพืชในอ้อยตอขึ้นมาก
* มีหนอนกอเข้าทำลายมากขึ้น
แนวทางแก้ไข คือ ใช้เครื่องสับใบอ้อย คลุกเคล้าลงดิน ระหว่างแถวอ้อย และถ้าต้องการเผาใบอ้อยจริงๆ ควรให้น้ำในอ้อนตอทันที
จะช่วยลดการตายของอ้อยตอลงได้
- การเผาใบก่อนการเตรียมดิน เกษตรกรทำเพื่อให้สะดวกในการเตรียมดินปลูก เพราะล้อรถแทรกเตอร์จะลื่นเวลาไถ
มีผลเสียตามมาคือ เป็นการทำลายอินทรีย์วัตถุ ดินอัดแน่นทึบ ไม่อุ้มน้ำ น้ำซึมลงได้ยาก
แนวทางแก้ไข คือการใช้จอบหมุนสับเศษอ้อย และคลุกเคล้าลงดินก่อนการเตรียมดิน ทำให้ไม่ต้องเผาใบอ้อยก่อนการเตรียมดิน
No comments:
Post a Comment